รู้ไหมว่า การเคลื่อนไหวหรือท่าทางของการขยับตัวและอุปกรณ์เวลาทำงาน มีผลต่อคุณภาพของการผลิตสินค้า บทเรียนที่คุณัญญา แก้วหนู กรรมการผู้จัดการ บริษัท 42 เนเจอรัลรับเบอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพาราแห่งอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา รู้ซึ้งเป็นอย่างดีจากการที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการค้า และพบปัญหาสินค้ามีตำหนิ เพียงเพราะวางฝาแม่พิมพ์แรงเกินไป

กำเนิดสินค้าไม่ได้คุณภาพ
เมื่อวัตถุดิบที่ใช้คือน้ำยางพาราที่มีลักษณะเป็นของเหลว แรงกระเพื่อมจากการขยับและเคลื่อนไหวระหว่างการผลิต จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เข้ามาชี้ชะตาคุณภาพของสินค้าที่จะออกมาได้

“เราพบว่าหมอนที่ผ่านการอบนั้นมีขนาดไม่เต็มใบถึง 12% เนื่องจากการเกิดช่องว่างในเนื้อหมอนหลังจากกระบวนการฉีดน้ำยางเข้าแม่พิมพ์ ซึ่งเกิดจากการที่พนักงานวางฝาแม่พิมพ์ปิดทับลงไปโดยไม่ระวัง ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและแรงกระเพื่อมที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำยางในแม่พิมพ์”

ปรับง่ายๆ ด้วยเทคนิค “ขยับน้อย ได้มาก”
เมื่อรู้แล้วว่า ยิ่งขยับหรือทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากเท่าไร ยิ่งส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าที่จะได้มากเท่านั้น การปรับการเคลื่อนไหวของพนักงานให้วางฝาแม่พิมพ์อย่างเบามือที่สุดจึงเกิดขึ้น

“เพื่อไม่ให้น้ำยางกระฉอกออกจากแม่พิมพ์จนได้หมอนไม่เต็มใบ เราจึงทำการปรับการเคลื่อนไหวของพนักงาน โดยลดการก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของฝาแม่พิมพ์หลังฉีดน้ำยางให้น้อยที่สุดนั่นเอง”

1. พบสินค้ามีตำหนิลดลง มีไม่ถึง 5% ของการผลิต
2. ลดมูลค่าการสูญเสียจากการลดราคาสินค้ามีตำหนิจากเดิมที่ 33,600 บาท/เดือน เหลือเพียง 14,000 บาท/เดือน

เห็นได้ว่า แค่เรื่องของการเคลื่อนไหว ขยับตัว หรือท่าทางของการทำงาน ก็มีผลต่อคุณภาพสินค้า ดังนั้น อย่ามองข้ามปัญหาที่มีต้นตอจากเรื่องเพียงเล็กน้อย เพราะถ้าปล่อยไว้นาน ปริมาณสินค้ามีตำหนิหรือของเสียอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนั่นหมายความว่ากำไรก็จะลดลงไปด้วย

บริษัท 42 เนเจอรัลรับเบอร์ จำกัด เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” และเรียนรู้การนำระบบ TPS (Toyota Production System) และการไคเซ็น (Kaizen) มาใช้ ตลอดจนมีศักยภาพในการยกระดับการดำเนินงานให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” (Yokoten Center) ซึ่งสามารถส่งมอบองค์ความรู้และประสบการณ์การพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจอย่างต่อเนื่องแก่ผู้เยี่ยมชมและธุรกิจที่มีความสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ